ข้อควรรู้

มีหนี้อยู่ ขอสินเชื่อใหม่ได้ไหม ?

ในยุคสมัยนี้ คนส่วนมากต่างก็มีหนี้สินติดตัวกันไม่มากก็น้อย ซึ่งทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า “หากเรามีหนี้อยู่ เรายังจะได้ไหม?” ซึ่งคำตอบของคำถามนี้ ก็ขึ้นกับสถานการณ์หนี้สิน ประเภทหนี้สิน และการชำระหนี้ของคุณค่ะ 
คำถามแรกที่เราจะขอถามได้แก่ หนี้สินที่คุณมีอยู่ในปัจจุบัน เป็นหนี้อะไรคะ
ถ้าหนี้ที่มีอยู่ เป็นหนี้ กยศ. (กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา) ในปัจจุบัน ยังไม่มีการเอาหนี้ กยศ.เข้าระบบเครดิตบูโร ท่านจึงสามารถขอทำเรื่องกู้หรือขอสินเชื่อได้ตามปกติค่ะ แต่ต่อไป หากลูกหนี้ กยศ.จำนวนมากยังไม่ยอมชำระหนี้ กยศ. ในอนาคตก็เป็นไปได้ว่า อาจนำกรณีเป็นหนี้ กยศ. เข้าระบบเครดิตบูโรค่ะ ฉะนั้น ในตอนนี้ ลูกหนี้ กยศ.ก็รีบๆ นะคะ ใครจะกู้อะไร รีบเลยค่ะ
คำถามต่อไปคือ ถ้าเป็นหนี้บ้าน หนี้รถ หนี้บัตรเครดิตล่ะ สามารถขอกู้ได้อีกหรือไม่
กรณีเป็นหนี้กับสถาบันการเงิน เช่น หนี้บ้าน หนี้รถ หรือหนี้บัตรเครดิต ก็จะต้องพิจารณาว่า คุณติดเครดิตบูโรหรือไม่ค่ะ
เครดิตบูโรคือ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ซึ่งมีหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลประวัติการชำระสินเชื่อและบัตรเครดิตของบุคคลจากสถาบันการเงินหลายๆ แห่งที่ธนาคารและสถาบันการเงินเป็นสมาชิกอยู่ โดยเมื่อลูกค้าขอสินเชื่อหรือทำบัตรเครดิต ก็จะต้องเซ็นให้ความยินยอมในการให้สถาบันการเงินตรวจสอบข้อมูลการชำระสินเชื่อและการชำระบัตรเครดิตของตน ซึ่งเมื่อเราไปยื่นขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินใดๆ ก็ตาม ทางสถาบันการเงินนั้นก็จะเรียกดูข้อมูลดังกล่าวจากเครดิตบูโร เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อต่อไป หากเราติดเครดิตบูโร มีประวัติปัญหาในการชำระหนี้ หรือเป็นหนี้มากเกินไป ทางสถาบันการเงินก็สามารถพิจารณาไม่อนุมัติให้กู้ได้ค่ะ
โดยทั่วๆ ไป การพิจารณาให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน จะมีเกณฑ์การพิจารณา ดังนี้
1. ความสามารถในการชำระหนี้ ทางสถาบันการเงินจะวิเคราะห์ว่า เราจะสามารถชำระหนี้ได้หรือไม่ โดยจะพิจารณาจากรายได้ของผู้กู้และหรือผู้กู้ร่วมเป็นหลักค่ะ ซึ่งจะพิจารณาให้กู้ประมาณ 30-40 เท่าของรายได้ วงเงินที่ให้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความมั่นคงของอาชีพ และรายได้ด้วย เช่น หากเป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือลูกจ้างบริษัทเอกชนที่มีกิจการมั่นคงก็จะได้รับการอนุมัติเงินกู้สูงถึง 40 เท่าของเงินเดือน นอกจากนี้ธนาคารยังพิจาณาเรื่อง สัดส่วนเงินงวดต่อรายได้สุทธิประกอบด้วย คือต้องไม่เกิน 33% ธนาคารจะให้กู้ในอัตราที่เงินผ่อนต่อเดือนไม่เกิน 33% ต่อรายได้สุทธิต่อเดือน
2. พิจารณาจากหลักประกันเงินกู้ ทางสถาบันการเงินจะนำหลักประกันเงินกู้มาวิเคราะห์ทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันด้วย โดยจะมีการพิจารณาใน 2 ประเด็น คือ ความเหมาะสมของหลักประกันและมูลค่าของหลักประกัน ซึ่งทางสถาบันการเงินจะใช้ประกอบการพิจารณาถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นหากปล่อยเงินกู้ไปแล้ว
3. คุณสมบัติอื่นของผู้กู้ นอกจากสถาบันการเงินจะวิเคราะห์เงื่อนไขการอนุมัติให้กู้จากรายได้ และหลักประกันเงินกู้ที่วางไว้แล้ว ก็อาจใช้คุณสมบัติอื่นของผู้กู้ประกอบการพิจารณาด้วย เช่น อายุของผู้กู้ ซึ่งหากนำมารวมกับจำนวนปีที่ขอกู้แล้วจะต้องไม่เกิน 70 ปี และผู้กู้ร่วมที่ไม่ใช่คู่สมรส บิดามารดา พี่น้อง หรือบุตรแล้ว จะมีผู้กู้ร่วมอื่นได้อีกไม่เกิน 1 คน ซึ่งจะต้องถือกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ที่จำนองด้วย โดยการกู้ร่วมก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้เรามีความสามารถในการขอสินเชื่อเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งถึงแม้เราจะมีภาระผ่อนสินเชื่ออื่นๆ อยู่ แต่ถ้าเราหาผู้มากู้ร่วมที่มีประวัติการขอสินเชื่อยังไม่เคยมีหนี้มาก่อนก็จะทำให้เครดิตเราดีขึ้นได้นะคะ
คำถามสุดท้ายก็คือ หากเรามีหนี้บัตรเครดิตอยู่ เราจะสามารถขอกู้สินเชื่ออื่นได้อีกหรือไม่
ถ้าหากคุณชำระค่าบัตรเครดิตตรงเวลาสม่ำเสมอ ย่อมไม่มีปัญหาค่ะ ส่วนใหญ่จะพิจารณาอนุมัติให้ แต่ก็ควรที่จะเคลียร์หนี้ต่างๆ ให้หมดหรือให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการพิจารณาขอสินเชื่อค่ะ เพราะทุกสถาบันการเงินจะดูประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมาของเราด้วย ซึ่งถึงแม้เราจะมีภาระสินเชื่ออยู่ แต่ถ้ามีประวัติการผ่อนชำระที่ดี ตรงตามงวดทุกครั้ง ทางสถาบันการเงินก็จะมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นว่าถ้าให้สินเชื่อเราแล้ว เราจะสามารถผ่อนชำระได้ และที่สำคัญควรจะเช็คเครดิตบูโรของตัวเองก่อน หากไม่ทราบสถานะตัวเองในเครดิตบูโรก็ขอตรวจสอบได้เมื่อมีปัญหาจะได้แก้ไขได้นะคะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารหรือสถาบันการเงินค่ะ

ลองเปลี่ยนมุมมอง หากกู้สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไหนก็ไม่ผ่าน


เห็นมีหลายคนมาบ่นกันมากว่าสมัครที่ไหนก็ไม่เห็นจะได้รับการอนุมัติ สมัครไปตั้งหลายที่ยื่นเอกสารจนเบื่อก็ไม่เห็นได้สักทีและก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงไม่ได้ แถมบางคนพาลไปโกรธเจ้าหน้าที่ธนาคารอีกว่า อยากเอาเงิน (ดอกเบี้ย) มาให้กลับไม่อยากได้
ก่อนอื่นเรามาดูขั้นตอนในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลของแต่ละธนาคารก็จะมีหลักเกณฑ์อยู่ อาจมีสิ่งที่เหมือนหรือแตกต่างกันอยู่บ้าง โดยหลัก ๆ ก็จะมีดังนี้
อายุ
โดยมากอายุของผู้ที่สมัครสินเชื่อส่วนบุคคลที่ธนาคารกำหนดไว้ก็จะอยู่ที่ 20-60 ปี โดยธนาคารถือว่าอายุ 20 ปีเป็นอายุของคนที่ช่วงในช่วงวัยทำงานมีรายได้แล้ว และให้จนถึง 60 ปี เป็นปีของการเกษียณจากการทำงาน
เงินเดือน
หากผู้สมัครทำงานประจำมีรายได้รายเดือนที่มั่นคงแน่นอนก็มีโอกาสได้รับการอนุมัติ โดยธนาคารส่วนมากจะกำหนดรายได้ขั้นต่ำต่อเดือนไว้ที่ 15,000 บาท หากรายได้ต่ำกว่านี้ธนาคารคิดว่าลูกค้าอาจมีปัญหาที่จะต้องคืนหนี้ในอนาคต หากเป็นเจ้าของธุรกิจหรือเจ้าของกิจการที่ธนาคารมองว่ามีความเสี่ยงในเรื่องรายได้มากกว่า ก็จะกำหนดรายได้ขั้นต่ำต่อเดือนไว้สูงกว่าที่ 20,000-30,000 บาทต่อเดือน ยิ่งมีรายได้มาก โอกาสในการได้รับอนุมัติเงินกู้ก็จะยิ่งมีมากขึ้นตามไปด้วย เพราะรายได้เป็นสิ่งแสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้
หลักฐานที่ใช้สำหรับคนทำงานประจำก็จะเป็นสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน หากเป็นเจ้าของธุรกิจก็เป็นบัญชีธนาคารที่แสดงการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือนเช่นเดียวกัน
อายุงาน
อายุงานมีผลกับการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลด้วย โดยปกติธนาคารจะกำหนดไว้ว่าอายุงานสำหรับที่ทำงานปัจจุบันต้อง 6 เดือน หากเพิ่งเปลี่ยนที่ทำงานทำงานมายังไม่ครบ 6 เดือน ก็คงต้องรอให้ครบ 6 เดือนก่อน จึงจะขอสินเชื่อส่วนบุคคลได้ อายุงานก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะแสดงความมั่นคงในการทำงานและรายได้ของผู้สมัครสินเชื่อได้ ยิ่งทำงานมานานก็ยิ่งมีโอกาสได้รับอนุมัติมากขึ้น
ประวัติเครดิตบูโร
ธนาคารจะเช็คประวัติหนี้ในเครดิตบูโรของผู้สมัครเพื่อดูถึงยอดหนี้รวมทุกประเภท และประวัติในการชำระหนี้ในอดีตที่ผ่านมา หากมีหนี้มากเมื่อรวมกับหนี้ก้อนใหม่แล้วธนาคารไม่มั่นใจว่าจะผู้สมัครจะสามารถชำระหนี้คืนได้หรือไม่ ธนาคารอาจปฏิเสธคำขอสินเชื่อได้ เช่นเดียวกันเรื่องของประวัติในการชำระหนี้ หากลูกหนี้เคยมีประวัติการชำระหนี้ที่ล่าช้าบ่อย ๆ หรือเคยมีหนี้เสีย หรือติดแบล็คลิสต์ธนาคารก็อาจไม่อนุมัติสินเชื่อให้เช่นเดียวกัน
เอกสารครบถ้วน
เมื่อสมัครสินเชื่อส่วนบุคคล หากอยากให้ผ่านในครั้งแรก ควรต้องจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน อย่าให้ขาดตก เพราะจะทำให้ขั้นตอนล่าช้าไป เพราะต้องมาตามเอกสารเพื่อยื่นขออนุมัติใหม่อีกทำให้เสียเวลา
ที่อยู่ที่เป็นหลักแหล่ง
การมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เช่น มีชื่อในทะเบียนบ้านเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะทำให้การขอสินเชื่อเราได้รับอนุมัติเร็วขึ้น เช่น ที่อยู่ในทะเบียนบ้านกับที่อยู่ปัจจุบันเป็นที่อยู่เดียวกัน เป็นต้น การอยู่ในบ้านเช่า หอพัก หรืออพาร์ทเมนต์ อาจมีผลทำให้บางธนาคารลังเลที่จะให้เงินกู้ได้ เนื่องจากหากมีปัญหาไม่สามารถคืนหนี้ได้ก็ไม่ทราบว่าจะไปตามคืนได้ที่ใคร หรือไปตามที่ไหน
เบอร์โทรศัพท์บ้านหรือที่ทำงาน
การสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อให้ได้รับการอนุมัติจะต้องมีเบอร์โทรศัพท์บ้านหรือเบอร์โทรศัพท์ที่ทำงานที่ไม่ใช่เป็นเบอร์มือถือ แจ้งให้กับธนาคารด้วย เหตุผลเดียวกันเรื่องของที่อยู่ที่เป็นหลักแหล่ง ก็คือ ธนาคารมองว่าหากหนี้มีปัญหาจะต้องมีช่องทางในการติดต่อลูกหนี้เพื่อติดตามหนี้ได้ด้วย มือถือเปลี่ยนกันง่าย แต่เบอร์บ้านหรือเบอร์ที่ทำงานไม่สามารถเปลี่ยนได้ง่าย ธนาคารจึงต้องการเบอร์บ้านหรือเบอร์ที่ทำงานมากกว่า
หลักเกณฑ์ในการอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลของแต่ละธนาคารก็จะแตกต่างกันไปในรายละเอียดขึ้นอยู่กับนโยบายการให้สินเชื่อในขณะนั้นของแต่ละธนาคารด้วย เช่น เรื่องวงเงินที่อนุมัติ บางครั้งเราสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลไปที่ธนาคารหนึ่งอาจได้รับวงเงิน 2 เท่าของเงินเดือน ในขณะที่อีกธนาคารอาจให้ถึง 3 เท่าของเงินเดือนก็ได้ ทั้งที่เป็นคนเดียวกัน
เมื่อเราได้ทราบแล้วว่าธนาคารมีขั้นตอนต่าง ๆ ในการพิจารณาเพื่ออนุมัติสินเชื่อให้กับผู้สมัครทุกคน โดยธนาคารจะต้องดูอย่างละเอียดในส่วนของเราซึ่งเป็นผู้สมัคร เราควรคิดว่าขั้นตอนที่ธนาคารพิจารณาสินเชื่อของเรานี้ ถือเป็นการช่วยเราอยู่เหมือนกัน เพราะบางครั้งเราเองก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเราจะสามารถชำระหนี้คืนได้หรือไม่ ทุกคนก็ต้องคิดเข้าข้างตัวเองอยู่แล้วว่าเราสามารถชำระคืนได้อย่างแน่นอน ในขณะที่ขั้นตอนของธนาคารจะมีความเป็นมาตรฐานมากกว่า ไม่ได้เข้าข้างลูกค้าคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ ธนาคารพิจารณาไปตามข้อมูลและเอกสารของลูกค้า
หากเราถูกปฏิเสธการอนุมัติ นั่นก็หมายความว่า ธนาคารมีความลังเลและสงสัยในความสามารถที่จะชำระหนี้ของเรา เราเองก็ควรยอมรับถือว่ามีคนช่วยเราดู เราก็กลับมาดูตัวเราว่าเราอาจจะเพิ่งเริ่มทำงานมีรายได้ไม่มากนัก แม้จะถึงหลักเกณฑ์ขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนดไว้ก็จริง แต่การกู้ไม่ผ่านก็หมายถึงต้องมีจุดไหนที่ทำให้ธนาคารไม่มั่นใจในตัวเรา เราก็ต้องรอเวลาทำงานไปอีกสักพักให้มีรายได้มากขึ้น มีความมั่นคงมากขึ้น แล้วค่อยไปขอสินเชื่อในตอนนั้นก็ยังไม่สาย แต่หากธนาคารอนุมัติเงินกู้ให้เราก็หมายความว่าธนาคารมองแล้วว่าการเงินของเราไม่มีปัญหา ให้กู้ได้ คนนี้กู้ไปแล้วน่าจะคืนเงินได้
ที่มา : http://money.sanook.com/412097/


เปรียบเทียบสินเชื่อส่วนบุคคลที่เหมาะสม

กับการใช้เงินของคนไทย


ธนาคาร / ผลิตภัณฑ์
อัตราดอกเบี้ย (%ต่อปี)
รายได้ขั้นต่ำ (ต่อเดือน)
ระยะเวลาสินเชื่อ
วงเงินสินเชื่อสูงสุด
ธนาคารกรุงไทย
สินเชื่อกรุงไทยธนวัฎ

21.50%
10,000 บาท
1 ปี
5 เท่าของเงินดือน, สิทธิพิเศษสำหรับผู้มีบัญชีเงินเดือนผ่านธนาคารกรุงไทย
ธนาคารทหารไทย
สินเชื่อบุคคล ทีเอ็มบี แคชทูโก

26.00%
15,000 บาท
5 ปี
5 เท่าของเงินดือน วงเงินไม่เกิน 1,000,000 บาท
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย
บัตรสินเชื่อบุคคลเอ็กซ์ตร้าแคช

27.00%
15,000 บาท
ไม่มี
5 เท่าของเงินดือน วงเงินไม่เกิน 1,500,000 บาท
ธนาคารกสิกรไทย
สินเชื่อเงินสดทันใจกสิกรไทย

27.00%
10,000 บาท
ไม่มี
5 เท่าของเงินดือน วงเงินไม่เกิน 1,500,000 บาท
ธนาคารทหารไทย
สินเชื่อบุคคลบัตรกดเงินสด ทีเอ็มบี เรดดี้แคช

27.00%
15,000 บาท
ไม่มี
5 เท่าของเงินดือน วงเงินไม่เกิน 1,000,000 บาท, ดอกเบี้ยถูก 10% 3 รอบบัญชีแรก
ธนาคารซิตี้แบงก์
สินเชื่อบุคคลซิตี้

28.00%
20,000 บาท
5 ปี
5 เท่าของเงินดือน วงเงินไม่เกิน 750,000 บาท
กรุงศรีอยุธยา
สินเชื่อหมุนเวียนส่วนบุคคล

28.00%
30,000 บาท
ไม่มี
1,000,000 บาท
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย
สินเชื่อบุคคลเพอร์ซันนัลแคช เอ็กซ์ตร้าลอง

28.00%
15,000 บาท



7 ปี
5 เท่าของเงินดือน วงเงินไม่เกิน 1,500,000 บาท
ธนาคารยูโอบี
สินเชื่อ ยูโอบี ไอ-แคช

28.00%
15,000 บาท
5 ปี
1,000,000 บาท
ธนาคารยูโอบี
สินเชื่อ ยูโอบี แคชพลัส

28.00%
15,000 บาท
ไม่มี
1,000,000 บาท
ธนาคารไทยพาณิชย์
สินเชื่อหมุนเวียน

28.00%
10,000 บาท
ไม่มี
1,500,000 บาท
ธนาคารไทยพาณิชย์
สินเชื่อบุคคล

28.00%
10,000 บาท
2 ปี
3.5 เท่าของเงินดือน วงเงินไม่เกิน 1,500,000 บาท
สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
สินเชื่อสมาร์ทแคชแพลตตินัม

28.00%
15,000 บาท
5 ปี
5 เท่าของเงินดือน วงเงินไม่เกิน 1,000,000 บาท

สินเชื่อส่วนบุคคล ปัจจัยสำคัญที่ควรทราบ

บางครั้งคนเราก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินก้อนเป็นเรื่องธรรมดา การขอสินเชื่อส่วนบุคคลเป็นเสมือนตัวช่วยสำหรับผู้ที่ต้องใช้จ่ายเงินสด โดยสามารถผ่อนชำระคืนได้ระยะยาว เรามาดูปัจจัย 5 ข้อที่ควรทราบเกี่ยวกับการขอสินเชื่อส่วนบุคคลมีอะไรบ้าง

ช่องทางที่ผู้ขอสินเชื่อส่วนบุคคลจะได้รับวงเงิน

  • รับเงินกู้โดยให้ธนาคารโอนเข้าบัญชีเงินฝากทันที หลังจากได้รับอนุมัติ
  • รับบัตรเบิกถอนเงินสด เพื่อไปกดเงินสดออกมาจากตู้ ATM หลังจากได้รับอนุมัติ                                         
ข้อควรรู้สินเชื่อส่วนบุคคล

  1. เงินกู้สินเชื่อส่วนบุคคลเอาไปใช้อะไรได้บ้าง เงินกู้สินเชื่อส่วนบุคคล สามารถนำไปใช้เพื่อจ่ายค่าเล่าเรียน, ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยว ค่าใช้จ่ายสำหรับงานแต่งงาน หรือกิจกรรมทางการเงินต่างๆ รวมถึงค่างวดรถยนต์ แต่สินเชื่อส่วนบุคคลจะไม่สามารถนำไปใช้เพื่อลงทุนทำธุรกิจ เพื่อผ่อนชำระหนี้ต่างๆ หรือใช้เพื่อการแสวงหาผลกำไรได้
  2. ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการขอสินเชื่อส่วนบุคคล หลักการพิจารณาเพื่ออนุมัติสินเชื่อนั้นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับผู้ออกสินเชื่อ ธนาคาร และสถาบันการเงิน แต่เอกสารหลักๆ ที่จะต้องใช้เพื่อขอสินเชื่อมีดังนี้
  • อายุ 20-60 ปี
  • อายุการทำงานหรืออายุกิจการอย่างน้อย 6 เดือน
  • พนักงานประจำรายได้ขั้นต่ำ 10,000 บาทต่อเดือน, เจ้าของกิจการายได้ขั้นต่ำ 20,000 บาทต่อเดือน
  • อาศัยอยู่ที่ที่อยู่ปัจจุบันอย่างน้อย 3 เดือน
  • ติดต่อได้ทางหมายเลขโทรศัพท์ที่บ้าน และ/หรือที่ทำงาน
  1. การอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลใช้ระยะเวลานานแค่ไหน  ระยะเวลาการอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลจะใช้เวลาประมาณ 7 วันทำการหลังจากการยื่นใบสมัครกับทางธนาคาร และหากคุณสมัครสินเชื่อออนไลน์ อาจจะใช้เวลาน้อยกว่านั้นก็ได้ โดยขึ้นอยู่กับธนาคาร และสถาบันการเงิน
  1. ยังมีแหล่งเงินกู้อื่นอีกหรือไม่ เนื่องจากการขอสินเชื่อในลักษณะแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีหลักประกัน ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยจะสูงกว่าเงินกู้ประเภทอื่นที่มีหลักประกัน ควรพิจารณาให้รอบครอบก่อนตัดสินใจกู้เงิน อาจจะมีทางออกอื่นๆ ที่ดีกว่า เพื่อลดภาระอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
  2. ตรวจสอบค่าธรรมเนียมอย่างรอบคอบ  ธนาคารผู้ปล่อยกู้สินเชื่อส่วนบุคคล จะมีรายละเอียดค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน ซึ่งบางธนาคารผู้ปล่อยกู้อาจยกเว้นค่าธรรมเนียมบางรายการให้กับผู้ขอกู้สินเชื่อได้ แต่บางธนาคารอาจไม่มีการยกเว้นค่าธรรมเนียมใดๆเลย                                                                                                                                                                         ที่มาhttps://blog.masii.co.th/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%A5-%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%B1/

1 ความคิดเห็น:

  1. อนุญาตให้ฉันแนะนำคุณกับบริการเงินทุน LE-MERIDIAN เราเข้าสู่ธุรกิจสินเชื่อโดยตรงและการจัดหาเงินทุนในแง่ของการลงทุน เราให้บริการทางการเงินแก่ภาคเอกชน / บริษัท ที่มองหาการเข้าถึงกองทุนในตลาดทุนเช่นน้ำมันและก๊าซอสังหาริมทรัพย์พลังงานทดแทนเวชภัณฑ์การดูแลสุขภาพการขนส่งการก่อสร้างโรงแรมและอื่น ๆ เก้าร้อยล้านดอลลาร์) ในทุกภูมิภาคของโลกตราบใดที่ผลตอบแทนการลงทุน 1.9% ของเราสามารถรับประกันได้ในโครงการ
    บริการเงินทุน Le-Meridian
    (60 Piccadilly, Mayfair, London W1J 0BH, สหราชอาณาจักร) อีเมลอีเมลติดต่อ .... lfdsloans@lemeridianfds.com
    WhatsApp ____ + 1 (989) 394-3740

    ตอบลบ